SUSE Linux Enterprise Server 16 มาพร้อมกับบริการสนับสนุนตลอดอายุผลิตภัณฑ์ระดับแถวหน้าของวงการ อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและลดความซับซ้อนด้วยความพร้อมใช้งาน AI
ลักเซมเบิร์ก, Oct. 30, 2025 (GLOBE NEWSWIRE) — SUSE® ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นโอเพนซอร์สสำหรับองค์กรประกาศว่า Linux สำหรับองค์กรรุ่นแรกของวงการที่จะผสานระบบ Agentic AI คือ SUSE Linux Enterprise Server (SLES) 16 รุ่นที่เปิดตัวใหม่นี้จะช่วยให้ผู้ใช้มองเห็นข้อมูลได้ลึกขึ้น อีกทั้งยังจะได้รับข้อมูลเชิงลึกและมีระบบการจัดการอัตโนมัติที่ช่วยให้การดำเนินการคล่องตัวขึ้น ลดต้นทุนการดำเนินงานและแก้ไขปัญหาเรื่องเวลา และช่วยให้นำสินค้าออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นสำหรับแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อภารกิจ
SLES 16 เปิดตัว Agentic AI ที่ใช้มาตรฐาน Model Context Protocol (MCP) การใช้ Agentic AI ของ SUSE Linux จะช่วยให้องค์กรมีวิธีที่ปลอดภัยและปรับขยายได้สำหรับเชื่อมต่อโมเดล AI กับเครื่องมือและแหล่งข้อมูลภายนอก ในขณะเดียวกันก็ยังรักษาอิสรภาพในการเลือกและขยายตัวเลือกผู้ให้บริการ AI ที่ต้องการใช้โดยไม่มีข้อผูกมัด ระบบนี้เป็นรากฐานที่ยืดหยุ่นและปลอดภัย รวมทั้งให้การรับประกันยาวนานตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์และการทำงานด้วยระบบอัตโนมัติระดับองค์กร
“วันนี้ CIO และ CTO ทุกคนต่างก็ต้องการใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้เลยหากถูกผูกมัดให้ใช้ระบบนิเวศเดียว” Rick Spencer ผู้จัดการทั่วไปของ Business Critical Linux ที่ SUSE กล่าว “เมื่อใช้ AI กับ SUSE Linux Enterprise Server 16 หัวหน้าฝ่ายไอทีจะสามารถใช้ต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างคุ้มค่าโดยไม่ต้องจ้างพนักงานใหม่หรือสร้างชุดเครื่องมือแบบกำหนดเอง SUSE เป็นที่แรกที่มีโครงสร้างพื้นฐาน AI ในตัวแบบเปิดและปรับขยายได้ภายในระบบปฏิบัติการ (OS) สำหรับองค์กรโดยตรง ด้วยความสามารถนี้ บวกกับพันธสัญญาด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อบังคับของเราตั้งแต่อดีต และวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ 16 ปีระดับแถวหน้าของวงการ ทำให้ SUSE Linux Enterprise Server 16 เป็นผลิตภัณฑ์ Linux สำหรับองค์กรรุ่นแรกที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านนวัตกรรมที่เห็นผลไวและความยั่งยืนระยะยาว”
SUSE Linux Enterprise Server (SLES) ผลิตภัณฑ์ Linux รุ่นแรกที่พร้อมใช้งาน AI สำหรับ Agentic AI
SLES 16 เปิดตัวเฟรมเวิร์กสำหรับการฝังปัญญาประดิษฐ์ไว้ในระบบปฏิบัติการโดยตรง
- Agentic AI และ MCP ที่ผสานการทำงานกัน: SLES 16 ใช้มาตรฐาน MCP (Model Context Protocol) และให้บริการคอมโพเนนต์โฮสต์และเซิร์ฟเวอร์ MCP เป็นรุ่นทดสอบทางเทคโนโลยี เพื่อผสานการทำงานกับ AI อย่างราบรื่น ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการอุปกรณ์เฉพาะเครื่องด้วยความช่วยเหลือจาก AI ผ่านคอนโซลบนเว็บของ Cockpit ที่มีอินเทอร์เฟซแบบเบราว์เซอร์ที่เรียบง่าย, เครื่องมือจัดการการกำหนดค่าเริ่มต้นสำหรับ SLES 16 และบรรทัดคำสั่ง ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
- เชื่อมต่อกับ LLM: แพลตฟอร์มเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้ทุกราย
- สถาปัตยกรรมที่พร้อมสำหรับอนาคต: การใช้ Agentic AI ของ SUSE Linux ใช้สถาปัตยกรรมที่สามารถปรับขยายได้ตามมาตรฐาน จึงพร้อมสำหรับ Agentic AI รุ่นต่อไป
คุณสมบัติเพิ่มเติม
- วงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ที่คาดเดาได้ เรียบง่ายขึ้น และยาวนานยิ่งขึ้น: โค้ดสตรีมของ SLES 16 มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์รวม 16 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในกรอบเวลาการสนับสนุนที่ยาวนานที่สุดในตลาด กรอบเวลานี้ทำให้ Linux สำหรับองค์กรรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะพร้อมสนับสนุนจนผ่านปี 2038 และรับประกันการสนับสนุนหลังจากครบวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องมีการอัปเกรดที่ทำให้การทำงานหยุดชะงัก
- ย้อนเวอร์ชั่นได้ทันที: ผู้ดูแลระบบสามารถย้อนเวอร์ชั่นได้ทันทีสำหรับการปรับเปลี่ยนเกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่การอัปเกรดระบบ การอัปเดตแพตช์ซอฟต์แวร์ ไปจนถึงการแก้ไขการกำหนดค่ารายการเดียว ขณะนี้การย้อนเวอร์ชั่นสามารถทำได้ในอิมเมจระบบคลาวด์ตามค่าเริ่มต้น ผู้ใช้จึงมีตัวเลือกในการกู้คืนระดับระบบปฏิบัติการเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาด ซึ่งรวดเร็วขึ้นอย่างมากและละเอียดกว่าสแนปช็อตระดับ VM แบบเก่า
- บิลด์ที่สามารถสร้างซ้ำได้: SLES 16 คือดิสทริบิวชั่น Linux ระดับองค์กรรุ่นแรกที่มีบิลด์ที่สามารถสร้างซ้ำได้ ซึ่งมอบความสามารถที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับลูกค้าในการตรวจสอบอย่างอิสระ หรือแม้แต่สร้างดิสทริบิวชั่น Linux สำหรับองค์กรซ้ำจากต้นทาง โดยยังคงได้รับการสนับสนุนเต็มรูปแบบจาก SUSE ความโปร่งใสและการควบคุมระดับสุดยอดเช่นนี้ บวกกับรายการส่วนประกอบซอฟต์แวร์ (SBOMs) เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาที่ได้รับการประเมินเพื่อรับใบรับรองความปลอดภัยระดับสูงสุด (EAL4+) ในตลาด Linux
- ลดช่องว่างทางทักษะ: คอมโพเนนต์กระแสหลักใน SLES 16 ช่วยลดช่องว่างทางทักษะเมื่อย้ายมาจากดิสทริบิวชั่นอื่น
ความพร้อมให้บริการ
SLES 16 รวมถึงการใช้ Agentic AI ของ SUSE Linux มีให้ลูกค้าและพันธมิตรทั้งหมดของ SUSE ใช้งานโดยทั่วไปตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2025 เป็นต้นไป กลุ่มผลิตภัณฑ์ SUSE Linux เปิดตัวพร้อมกับชุดโซลูชั่นที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการเฉพาะองค์กร เพื่อให้มั่นใจได้ว่า Linux สามารถปรับใช้ได้กับเวิร์กโหลดทุกประเภท การเปิดตัวที่ครอบคลุมนี้ประกอบด้วย:
- SUSE Linux Enterprise Server สำหรับแอปพลิเคชั่น SAP 16: มีให้ใช้งานสำหรับสภาพแวดล้อม SAP ที่สำคัญต่อภารกิจ โดยเป็นรากฐานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงที่ปรับให้เหมาะกับเวิร์กโหลด SAP HANA และ S/4HANA
- SUSE Linux Enterprise High Availability Extension 16: ออกแบบมาเพื่อรับประกันความต่อเนื่องทางธุรกิจในระดับสูงสุด ส่วนขยายนี้สามารถสลับการทำงานไปยังระบบสำรองโดยอัตโนมัติสร้างคลัสเตอร์เพื่อปกป้องบริการที่สำคัญและป้องกันการหยุดทำงาน
- SUSE Linux Micro 6.2: เหมาะสำหรับเวิร์กโหลดที่ต้องใช้ระบบปฏิบัติการที่ปรับเปลี่ยนได้มากขึ้น เช่น การปรับใช้แบบเอดจ์ แบบฝัง และแบบกระจายอื่นๆ ระบบปฏิบัติการที่ออกแบบมาให้ปรับเปลี่ยนได้ ทำงานแบบทรานแซคชั่น และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้โหมดแบบอิมเมจสามารถทำงานได้ ซึ่งโหมดนี้เหมาะสำหรับงาน DevOps ระบบอัตโนมัติที่คาดเดาได้ในขนาดใหญ่
โปรดดูรายละเอียดที่ www.suse.com/server และโพสต์บล็อก SLES 16
เกี่ยวกับ SUSE
SUSE เป็นผู้นำระดับโลกในด้านโซลูชันโอเพ่นซอร์สสำหรับองค์กรที่มีนวัตกรรม เชื่อถือได้ และปลอดภัย รวมถึง SUSE® Linux Suite, SUSE® Rancher Suite, SUSE® Edge Suite และ SUSE® AI Suite บริษัทใน Fortune 500 มากกว่า 60% ใช้ SUSE เพื่อสนับสนุนงานที่สำคัญต่อภารกิจของพวกเขา ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างนวัตกรรมได้ทุกที่ นับตั้งแต่ศูนย์ข้อมูลไปจนถึงคลาวด์ ขอบเครือข่าย และพื้นที่อื่น ๆ SUSE นำคำว่า “เปิด” กลับสู่โอเพนซอร์ส โดยร่วมมือกับพันธมิตรและชุมชน เพื่อมอบความคล่องตัวให้ลูกค้าในการแก้ไขความท้าทายด้านนวัตกรรมในวันนี้ และเสรีภาพในการพัฒนากลยุทธ์และโซลูชันในวันข้างหน้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.suse.com
ติดต่อด้านสื่อ
Rachel Romoff
[email protected]
GlobeNewswire Distribution ID 9565157